พิพิธภัณฑ์พญาคันคากและตำนานพญาคันคาก

          ที่จังหวัดยโสธรบริเวณริมอ่างเก็บน้ำรำทวนเราจะสามารถมองเห็นรูปปั้นพญาคันคากสูงใหญ่เป็นสง่าโดยมีการก่อสร้างไว้อยู่ที่ริมแม่น้ำที่นี่เป็นสถานที่ก่อตั้งพิพิธภัณฑ์พญาคันคาก และตรงบริเวณที่มีการนำรูปปั้นของพญาคันคากมาวางไว้นั้นจะเป็นพื้นที่สาธารณะพญาแถน ซึ่งพิพิธภัณฑ์แห่งนี้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ขึ้นชื่อของจังหวัดยโสธรอีกที่หนึ่งที่นักท่องเที่ยวหากใครที่ได้เดินทางมาเที่ยวที่จังหวัดยโสธรต่างก็ต้องมาเยี่ยมชมสถานที่ท่องเที่ยวแห่งนี้กันทั้งนั้นโดยจะมีการปิดไม่ให้นักท่องเที่ยวเข้าเยี่ยมชมได้เฉพาะแค่วันพุธวันเดียวเท่านั้น

ส่วนวันอื่นๆก็เปิดให้บริการตามปกติแต่ก็มีการแบ่งการเข้าชมพิพิธภัณฑ์ออกเป็น 2 ช่วงเวลานั้นก็คือช่วงตั้งแต่ 09:00 นจนถึงตอนเที่ยงหลังจากนั้นก็จะมีการปิดพิพิธภัณฑ์และจะเปิดให้บริการอีกทีก็ช่วงเวลา 15:00 นไปจนถึง 18:00 นซึ่งที่พิพิธภัณฑ์แห่งนี้จะมีการแสดงบอกเล่าเรื่องราวประวัติความเป็นมาของชาวยโสธรรวมถึงการพูดถึงตำนานของพญาคางคกและประเพณีต่างๆของจังหวัดยโสธรเช่นประเพณีบุญบั้งไฟหากใครที่เข้าไปในพิพิธภัณฑ์จะเห็นว่าในนั้นจะมีการจัดนิทรรศการเกี่ยวกับความเป็นมาเป็นไปว่าเหตุใดที่ยโสธรนี้จึงมีการจัดงานบุญบั้งไฟขึ้น

โดยในพิพิธภัณฑ์นั้นจะมีการเปิดฉายเป็นภาพยนตร์ให้นักท่องเที่ยวได้ดูซึ่งเป็นระบบ 4 มิติและยังคงจะมีนิทรรศการเกี่ยวกับคางคกชนิดต่างๆโดยจะระบุสายพันธุ์ที่มีทั้งหมดในประเทศไทยเอาไว้และยังมีการนำเอาวิถีชีวิตของกลุ่มคนในภาคอีสานว่ามีการเป็นอยู่อย่างไรและทำการเกษตรแบบไหนบ้างเอามาไว้จัดแสดงในพิพิธภัณฑ์ซึ่งที่นี่จะมีจุดเด่นที่เป็นรูปพญาคางคกขนาดใหญ่ดังนั้นที่นี่จึงมีตำนานเล่าขานเกี่ยวกับพญาคันคากมาเล่าให้กับนักท่องเที่ยวได้ฟังกัน โดยตำนานของพญาคันคากนั้นเป็นตำนานความเชื่อที่มีมาตั้งแต่สมัยโบราณหน้าตายายเป็นผู้เล่าต่อๆกันมาให้ลูกหลานได้ฟังเกี่ยวกับเทพเจ้าแห่งฝน

ซึ่งก็คือพระเจ้าแถน  โดยตำนานเล่าว่าพระเจ้าแถนนั้นไม่พอใจโลกมนุษย์ พระองค์จึงได้มีการบันดาลให้ฝนไม่ตกต้องตามฤดูกาลเป็นระยะเวลานานถึง 7 เดือนด้วยกันทำให้ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์หรือสัตว์ต่างก็ขาดแคลนน้ำและพากันล้มตายดังนั้นพวกสัตว์ทั้งหลายจึงได้มารวมตัวกันเพื่อปรึกษาหารือว่าจะทำยังไงถึงจะสามารถกราบพญาแถนได้  ซึ่งวิธีการนั้นพญานาคอาสาไปรบกับพญาแถนแต่ก็แพ้กลับมาพญาเต่าแทนอาสาไปรบกับพญาแถนก็ยังแพ้กลับมาอีก พญาคางคกจึงรับอาสาที่จะไปต่อสู้กับพระยาแถนเอง

แต่ให้ปลวกนั้น ไปจนถึงเมืองของพญาแถนหลังจากนั้นก็ให้พวกมอดแมลงป่องและตะขาบพากันเดินทางไปซ่อนตัวอยู่ตามเสื้อผ้าของทหารพญาแถนแล้วก็กัดต่อยจนทหารได้รับบาดเจ็บทำให้ในที่สุดพญาแถนก็แพ้พญาคางคกและมีการทำสัญญาเอาไว้ว่าหากเมื่อใดก็ตามถ้าที่โลกมนุษย์มีการจุดบั้งไฟขึ้นฟ้าพญาแถนจะต้องทำให้ฝนตกลงมาแต่ถ้าเสียงกบร้องเมื่อไหร่

แสดงว่าฝนไม่ตกลงมาแล้วหรือเมื่อใดก็ตามที่มีเสียงการเล่นว่าวหรือที่เรียกว่าสิงห์เสน่ห์ถึงเวลานั้นพระยาแถนก็ทำให้ฝนหยุดตกได้เลยเพราะมนุษย์โลกจะทำการเก็บเกี่ยวข้าวซึ่งหลังจากมีการทำสัญญาตกลงกันนั้นเมื่อมีการจัดงานบุญบั้งไฟขึ้นเมื่อไหร่ระยะแทนก็จะทำตามสัญญาด้วยการทำให้ฝนตกลงมาจนมาถึงปัจจุบัน

 

ได้รับการสนับสนุนโดย  ดูบอล

ตํานานผีพรายน้ำ

     ว่ากันว่าผีพรายน้ำนั้นเป็นผีระดับเดียวกันกับผีในกลุ่มนางไม้ซึ่งผีพรายน้ำนั้นก็จะมีความสวยงามไม่ต่างจากนางไม้เลยทีเดียวผีพรายน้ำนั้นว่ากันว่ามักจะเป็นผู้หญิง ซึ่งเรื่องนี้ไม่มีใครสามารถยืนยันได้ว่าผีพรายน้ำจริงๆแล้วมีเฉพาะผู้หญิงอย่างเดียวหรือมีผู้ชายด้วยกันว่าผีพรายน้ำเป็นวิญญาณของผีผู้หญิงที่อยู่ในน้ำ

ซึ่งหลายคนเชื่อกันว่ามีพรายน้ำนั้นมักจะชอบมาเอาชีวิตผู้ชายที่รูปร่างหน้าตาดีไปอยู่ด้วยและการดูเซ่นไหว้ผีพรายน้ำนั้นก็สามารถนำของเซ่นไหว้เหมือนกับที่เราเซ่นไหว้ผีอื่นๆทั่วไปที่เป็นพวกอาหารคาวหวานหรือแม้แต่ผลไม้สัญญาแล้วเวลาที่มีคนจมน้ำเสียชีวิตผู้คนมักจะเชื่อกันว่าคนที่จมน้ําเสียชีวิตนั้นถูกผีพรายน้ำนำไปอยู่ด้วยโดยส่วนใหญ่เชื่อกันว่าจะมีการโทษทีนึงคะทำให้จมน้ำเสียชีวิต ในสมัยโบราณนั้นคนส่วนใหญ่มีการบอกเล่าต่อๆกันมาว่าจะสามารถมองเห็นผีพรายน้ำได้ในช่วงเวลาหกโมงเช้า , หกโมงเย็น เที่ยงวัน และเที่ยงคืน

ซึ่งลักษณะของหญิงสาวที่เห็นนั้นมักจะใส่เสื้อผ้าสีขาวทั้งชุดและลำตัวจะค่อนข้างเรืองแสง ว่ากันว่า ผีพรายน้ำมักจะชอบมาเล่นน้ำอยู่เป็นประจำ แต่บางตำนานก็เล่าว่าที่ภายในจะมีลักษณะตัวซีดขาวเนื่องจากว่ามีการแช่อยู่ในน้ำเป็นเวลานานหรือบางทีก็เป็นสีเขียวคล้ำมีเมือกเกาะอยู่ที่ร่างกาย และยังมีกลิ่นเหม็นตลบอบอวลเหมือนกลิ่นปลาเน่าหรือสำเนาซึ่งบางคนก็บอกว่าผีพรายนั้นจะมีร่างกายที่มีเกร็ดแต่บางคนก็บอกว่าไม่มี  ผีพรายนั้น มักจะอยู่ในคลองหรือในแม่น้ำ ที่จะมีคนตายเยอะๆ โดยเชื่อกันว่าผีพรายจะเอาร่างของผู้เสียชีวิตมาเป็นรางของตัวเอง

ผีพรายจัดออกเป็นหลายกลุ่ม เช่น กลุ่มผีพรายทะเล  หรือผีพรายน้ำ เคยมีเรื่องเล่าว่าผีพรายผู้หญิงนั้นมักจะอยู่ในน้ำลึก ดังนั้นหากใครที่ชอบไปเล่นน้ำคนเดียวแล้วเสียชีวิต นั้นก็เพราะว่าผีพรายน้ำดึงลงไปในน้ำ บางคนว่าผีพรายน้ำมักจะต้องการคนไปอยู่เป็นเพื่อนจึงมักมาเอาวิญญาณของคนที่มาเล่นน้ำ และศพที่ถูกผีพรายดึงนั้นมักจะจมอยูในน้ำ

จะไม่ลอยขึ้นมาเหมือนกับศพอื่นอื่นทั่วไป ทั้งนี้เพราะต้องการเอาตัวไปเป็นบริเวณ หรือเอาไปเป็นตัวตายตัวแทน เพื่อให้ตัวเองไปเกิดว่ากันว่าเราจะสังเกตเห็นได้ว่าบริเวณที่ผีพรายน้ำอยู่นั้นมักจะมีตาน้ำหรือฟองน้ำผุดขึ้นมานานนาน และจะมีการกระเพื่อมของน้ำเป็นวงใหญ่ใหญ่ นั้นก็แสดงว่าตรงจุดนั้น ผีพรายน้ำกำลังเล่นน้ำอยู่ส่วนใหญ่คนจึงไม่เล่นน้ำกันในตอนกลางคืน และไม่เล่นน้ำตรงที่น้ำลึก

 

ได้รับการสนับสนุนโดย  แทงบอลไม่มีขั้นต่ำ